12/20/2011

ค็อกพิทแม็กกาซีน ธันวาคม

ดาวน์โหลดไฟส์ลิงค์ดูค็อกพิทแม็กกาซีน ฉบับที่ 18 ธันวาคม 2011
http://issuu.com/inkartprinting/docs/x_clusisive?mode=window&backgroundColor=%23222222

12/10/2011

ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ BMW523i ได้ง่ายๆ

การจับรางวัล
รางวัลที่ 1-4 จำนวน 81 รางวัล จับรางวัลวันที่ 27 มกราคม 2555 ประกาศรายชื่อผู้โชคดีทาง
www.bridgestone.co.th ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป และทำการส่งจดหมายแจ้งไปยังที่อยู่่ที่ผู้โชคดีได้ระบุไว้ในคูปองที่ร่วมชิงโชค

ดูรายละเอียดกติกาและเงื่อนไข เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซน์บริดจสโตนน่ะคับ

12/09/2011

หลังน้ำท่วมห้ามลองสตาร์ทเครื่อง


ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ประสบเคราะห์รถยนต์ถูกน้ำท่วมขังระดับสูง จากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในบ้านเรา และเราขอเป็นกำลังใจให้รถยนต์ของท่านกลับมาใช้งานได้เป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งก็มีความเป็นได้มากหากได้รับการดูแลบูรณะอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทเก๋งส่วนตัว SUV หรือกระบะก็ตาม แจ้งเหตุกับประกันภัย หลังน้ำลด ห้ามลองสตาร์ทเครื่อง













12/08/2011

7 วิธี ขับประหยัดกับเกียร์ ออโต้


ช่วงนี้แม้ราคาน้ำมันอาจจะลงไปแล้วหลังนโยบายรัฐบาลตัดสินลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันส่งผลให้ราคาทรุดฮวบไปในทันใด แต่ถึงจะเริ่มวางใจได้แต่นโยบายนี้ก็เปิดมาแล้วว่าเป็นเพียงแค่ชั่วคราว และการประหยัดที่แท้จริงยังอยู่กับเราๆท่านเหมือนเดิม
หลายครั้งที่เราออกมาพูดเรื่องการประหยัดน้ำมันปาวๆ ทำโน่นนี่นั่น แต่ครั้งนี้เราจะต่างออกไปด้วยการพูดถึงเทคนิคการขับเสียส่วนใหญ่ ที่คราวนี้เราขอตามกระแสกับ 7 เทคนิคที่คุณต้องรู้เอาไว้ ถ้าคุณกำลังใช้รถเกียร์อัตโนมัติ


1.รู้จักรถยิ่งขับยิ่งประหยัด เราหลายคนรู้จักรถดีขับมันทุกวันแต่ไม่คุ้นเคยกับนิสัยของมันเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่น่าแปลก เพราะการขับขี่นั้นจำเป็นต้องรู้จักรถให้ดี สิ่งหนึ่งที่ต้องจดจำคือช่วงที่แรงบิดสูงสุดถูกเรียกออกมา ซึ่งจะมีประโยชน์มากยามเร่งแซง
2.Walking Speed หลายคนที่ขับรถนั้นไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้เท่าไรนักแต่ walking Speed นั้นหมายถึงการที่รถยนต์สามารถเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยที่เราไม่ต้องแตะคันเร่ง ตามปกติสำหรับเกียร์ออโต้แล้ว Walking speed คือสิ่งที่เราทำกันอยู่ประจำยามที่เราไม่ได้เดินคันเร่ง ซึ่งมีประโยชน์ตอนที่กาจราจรติดขัดหรือตอนเข้าที่จอดรถ เพราะยิ่งเร่งน้อยก็ยิ่งประหยัด
3 เกียร์ ขึ้นทางชันรับรองว่าประหยัดกว่า ในการขึ้นทางชันนั้นเราหลายคนมักละเลยในการเปลี่ยนโหมดเกียร์มาใช้เกียร์ L ด้วยความสะดวกเข้าว่า ความจริงแล้วถามว่าผิดหรือคำตอบคือไม่ แต่มันไม่เหมาะสม เพราะเกียร์ D นั้นจะทำการเปลี่ยนเกียร์ แต่ในการขึ้นทางชันที่แรงต้านทานจากเนินสูง โดยเฉพาะการขึ้นที่จอดรถ การใช้เกียร์ D โดยใช้กำลังแรงบิดเครื่องส่งขึ้นนั้นจะทำให้รถไม่ต้องออกแรงสู้กับเนินมากผลคือประหยัดกว่า ชัวร์!
4.คิกดาวน์อย่าทำบ่อยถ้าไม่จำเป็น การคิกดาวน์ในเกียร์อัตโนมัตินั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสร้างความสะดวกสบายในการเร่งแซง แต่มันก็ต้องแลกมาดัวยอัตรากินน้ำมัน ซึ่งแม้ระบบเกียร์ปัจจุบันจะมีการพัฒนาให้ตอบสนองได้ดีส่งกำลังได้มากยิ่งขึ้น แต่การคิกดาวน์ก็ยังเปรียบได้ดั่งการกระชากเกียร์อยู่ดี
หลายคนที่ขับเกียร์อัตโนมัติเข้าใจว่าการคิกดาวน์นั้นเป็นหนทางเดียวที่เร่งแซง แต่ความจริงแล้วนอกจากที่ปลายเท้าแล้วยังมีการใช้ระบบ Overdrive หรือ O/d ซึ่งทำให้เกียร์เปลี่ยนอย่างนิ่มนวลมากกว่าการคิกดาวน์หรือบางคันเป็นตำแหน่ง 3/D3 ตามแต่ยี่ห้อรถ 

คันเร่งเดินให้เนียน หลายคนที่ไม่ได้ฝึกขับรถอย่างจริงจังนั้นมักจะไม่ทราบว่าการเดินคันเร่งนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งชีพในการพิชิตความประหยัดที่จะใช้น้ำมันทุกหยดให้คุ้มค่า การใช้คันเร่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในรถเกียร์ออโต้ เพราะเมื่อเรากดคันเร่งลึกไประบบเกียร์ก็จะคิกดาวน์หรือน้อยไป รถก็วิ่งแบบคลานๆ วึ่งเราต้องหาความพอดี โดยอาจจะใช้วิธีกดเร่งไปถึงระดับความเร็วที่ต้องการก่อนแล้วผ่อนรักษาความเร็ว ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่ให้การประหยัดน้ำมันที่ดีทีเดียว และที่สำคัญไปกว่านั้นพยายามรักษาความเร็วให้คงที่ตลอดทาง หากรถคุณมีระบบ Cruise Control อย่าลืมที่จะใช้มันในการขับขี่
6.เบรคให้น้อยชะลอบ่อยๆ เราหลายคนที่ขับรถยนต์เกียร์ออโต่ที่ชินกับดารเร่งและเบรคนั้น อาจจะไม่ค่อยมีสไตลืการขับขี่ที่ใช้วิธีชะลอความเร็วเหมือนคนที่ขับรถเกียร์รรมดา ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากความคุ้นเคย แต่เชื่อหรือไม่การชะลอความเร็วโดยไม่เบรคนั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการของวิธีประหยัดน้ำมันด้วย
เรื่องนี้ฟังดุไม่น่าเกี่ยวกันแต่มันคือข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อเราเบรคลดลมจากท่อไอดีจะถูกดูดมาที่หม้อลมเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ซึ่งจะมีอัตราลดลงมากกว่าการที่เราไม่เหยียบคันเร่งหรือชะลอความเร็ว นี่ยังไม่นับการสุญเสียน้ำมันกับการเร่งเมื่อความเร็วลดลงกว่าที่ขับปติ ซึ่งเท่ากับการซดน้ำมัน 2 เท่าตัว


12/07/2011

การดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วม เราควรทำอย่างไร?


1.พึง เอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์
2.เปิด ประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน
3.เริ่ม เข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า โดยเฉพาะขั้วสายไฟภายในห้องเครื่อง ทั้งตัว ECUและ รีเรย์ต่างๆ จากนั้นฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น หรือใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง
4.ถ่าย น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ต้องรีบเอาน้ำออกจากระบบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันสนิมจับ) รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก



ทั้งหมดเป็นวิธีการดูแลเบื้องต้น เพราะสุดท้ายแล้วรถโดนน้ำท่วมขนาดนี้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกทันที ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าเลือกใช้บริการจากรถยก และขอย้ำว่าห้ามสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามการที่รถสุดรักของคุณจะฟื้นกลับมาดีดั่งเดิมได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือความสามารถในการนำกลับมาดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเภทของรถ กล่าวคือถ้ารถยิ่งมีระบบไฟฟ้าซับซ้อน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากตามไปด้วย
โดยฝ่ายเทคนิค โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย บอกว่า ถ้ารถจมบาดาลอยู่ 1-2 วัน โอกาสแก้สภาพกลับมาเหมือนเดิมได้เกิน 90% แต่ถ้านานกว่านั้น ECUเข้าขั้นโคม่า ชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆจะโดนความชื้น สนิมเริ่มกิน รวมถึงขี้เกลือต่างๆเริ่มจับตัว ดังนั้นเปอร์เซ็นที่จะคืนสภาพก็จะลดลงตามวันเวลาที่แช่น้ำ
ในส่วนของราคาค่าซ่อม ขึ้นอยู่กับสภาพการและประเภทรถตามที่กล่าวไปข้างบน และน่าจะอยู่ระดับ 50,000-100,000 บาท (แต่ถ้าโอเวอร์ฮอล์เกินนี้แน่นอน) ซึ่งใครทำประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือมีกรมธรรม์ครอบคลุมอุทกภัยเอาไว้น่าจะใจชื้นได้บ้าง
ที่มา : ฝ่ายเทคนิคของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

สมาชิกค็อกพิท ฟรี! บัตรชมภาพยนตร์1 ที่นั่งทุกเรื่องทุกรอบ 10,000 ที่นั่ง



ตรวจเช็คสุขภาพรถยนต์ฟรี ที่ค็อกพิท

ตรวจเช็คสุขภาพรถยนต์ ฟรี! ที่ค็อกพิท ยาง,น้ำมันเครื่อง,น้ำเพาเวอร์,เบรค, เกียร์, น้ำหม้อน้ำ, น้ำฉีดกระจก, ไส้กรองอากาศ, แบตเตอรี่,ใบปัดน้ำฝนและระบบส่องไฟ ตั้งแต่วันนี้ - 30 ธันวาคม 2554 นี้



12/06/2011

ค็อกพิทลุ้นโชคสนั่นเมืองน้ำลด..โชคล้น 2 ชั้น

มื่อซื้อยางบริดจสโตนหรือ ไฟร์สโตน 4 เส้น ลุ้นรับโชค 2 ชั้น โชคชั้นที่ 1 ลุ้นโชคสนั่นเมือง BMW523i 1 รางวัล สร้อยคำทองคำ หนัก 2 บาท 10 รางวัล  LED TV 40"  30 รางวัล หรือ IPad2 WiFi 3G 40 รางวัล  โชคชั้นที่ 2 รับฟรี! น้ำมันเครื่องเชลล์ มูลค่า 890 บาท หรือเลือกผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เฉพาะรุ่น) วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม  2554










10/27/2011

จำหน่ายยางในรถสิบล้อเพื่อให้รถลอยเมื่อน้ำท่วม

ค็อกพิทไทยเพชรเกษมร่วม จำหน่ายยางในรถสิบล้อ (ยางใหม่) ในราคาพิเศษเพื่อช่วยผู้ประสบน้ำท่วม ยางในสิบล้อสามารถช่วยกู้รถยนต์จากน้ำท่วม ใช้เป็นแพ เพื่อขนย้ายสิ่งของ หรือทำเป็นแพ ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้ ขอบ 16 ราคา 400 บาท ขอบ 20 ราคา 600 บาท ค็อกพิทไทยเพชรเกษมขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกท่าน




วิธีทำแพยางในสิบล้อ เพื่อให้รถลอยเมื่อน้ำท่วม
1. หาห่วงยางในรถสิบล้อ 6 เส้น เติมลมให้เต็ม
2. นำห่วงยาง 4 วง มัดเข้าด้วยกัน ด้วยเชือกป่าน (ขนาดเชือกประมาณ นิ้วก้อย)
3. นำไม้กระดานหนา 10 นิ้วจำนวน 2 แผ่นมาวางบนยางแล้วมัด ถ้าไม่มีก็หน้า 3 นิ้ว 4 แผ่น
4. ยกรถด้วยแม่แรงแล้วหาวัสดุที่แข็งแรงรองล้อไว้ก่อนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นำไปวางใต้ท้องรถแล้ว
ผูกเชือกกับตัวรถ
5. ยางในเส้นหนึ่งรองใต้เครื่องแล้วมัดเข้ากับล้อทั้งสองข้าง อีกเส้นหนึ่งรองด้านหลังแล้วมัดเข้ากับล้อเช่นกัน
6. อย่าลืมมัดรถกับเสาบ้านด้วยน่ะครับ รถจะได้ไม่ลอยหนี

วิธีช่วยรถไม่ให้จมน้ำ มีิขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ซื้อยางรถสิบล้อมา 3 เส้น
2.  นำยางรถที่ยังไม่ได้สูบ สอดไว้ใต้ท้องรถ 
3. สูบลมเข้าไปทั้ง 3 ล้อ ก่อนสูบควรผูกเชือกตำแหน่งต่างๆ เพื่อยึดรถให้อยู่กับล้อ 
4. ผูกเชือกล่ามรถไว้กับเสาบ้าน หรือหลักที่แน่นหนา ป้องกันรถลอยไปตามน้ำ 
5. รถจะปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม และสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้

10/24/2011

ค็อกพิทร่วมใจยางในช่วยชีพ

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ค็อกพิทไทยเพชรเกษม นำโดยคุณบุญมา และคุณพัชราภา จิรวัฒนางกูร  ผู้บริหารบริษัทฯ ได้มอบยางในสิบล้อ ให้มูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งนี้
ทางบริษัทฯ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

10/20/2011

ขับรถขณะน้ำท่วมควรทำอย่างไร?


ขับรถขณะน้ำท่วมควรทำอย่างไร?
    
1.ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด เพราะเมื่อเราเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้ใบพัดพัดน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้วทำให้เครื่องดับ
    
2.ใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา เราควรใช้ประมาณเกียร์ 2 แต่หากว่าเป็นเกียร์ออโต้ สามารถใช้เกียร์ L ได้ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วอย่างสม่ำเสมอ อย่าหยุด หรืออย่าเร่งความเร็วขึ้น
   
 3.ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูงเกินไป ผู้ขับรถหลายคนมักเร่งเครื่องแรงๆเพราะกลัวเครื่องดับ เนื่องจากน้ำเข้าท่อไอเสีย ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเร่งเครื่องขึ้น ยิ่งจะทำให้รถมีความร้อนสูงยิ่งขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน  และยิ่งทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น การสตาร์ตรถอยู่โดยที่รอบเดินเบา แม้ว่าจะแช่อยู่ในน้ำ (แต่ระดับน้ำต้องไม่สูงมากขนาดระดับกะโปรงรถ) แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาได้

4.การลดความเร็วลง โดยเฉพาะในกรณีที่เมื่อกำลังจะขับรถสวนกับรถอีกคันหนึ่ง เพราะยิ่งขับเร็วมากเท่าไหร่ แรงคลื่นที่เกิดจากการปะทะก็จะแรงมากเท่านั้น และกระเด็นเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ง่ายขึ้น

5.หลังจากลุยน้ำที่มีระดับลึกมา สิ่งแรกที่ควรทำคือ พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรกๆจะเบรกไม่อยู่และเป็นอันตรายมาก

 
ขั้นตอนที่ควรทำทันที เมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วม

1.ล้างรถ รวมถึงการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถและซุ้มล้อ เพื่อล้างเศษดินทรายที่ตกค้างหรือติดอยู่ออกให้หมด ซึ่งอาจมีเศษขยะหรือหญ้าแห้งติดอยู่ ที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย เช่นเดียวกับกรณีของรถที่ติดตั้งตัวกรองไอเสีย หรือ CAT ที่ไม่แนะนำให้จอดในที่ที่มีหญ้าขึ้นสูง เนื่องจากอุณหภูมิของ Catalytic Converter ค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย

2.พึงเอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์

3.เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ

4.เริ่มเข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า ในกรณีที่เป็นเครื่องเบนซินให้ใช้ลมเป่าไปที่เบ้าหัวเทียนไล่น้ำออกให้หมดทุกซอกทุกมุม จากนั้นให้ถอดหัวเทียนออก ตรวจดูแผงฟิวส์ตัวฟิวส์ กล่องรีเลย์ต่างๆรวมทั้งกล่องอีซียูต้องถอดออกให้หมดตากแดดทิ้งไว้ ตรวจดูปลั๊กไฟใช้ลมเป่าทำความสะอาดทั้งหมด หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้

5.สำรวจน้ำมันเกียร์ ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ คือถ้ามีลักษณะคล้ายสีชาเย็น นั่นแสดงว่ามีน้ำเข้าไปปะปนแล้ว ต้องรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที เช่นเดียวกับน้ำมันเกียร์ รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก

6.เพลาขับ หากยางหุ้มเพลาขาดน้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป ต้องอัด จารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่แล้วใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด

7.ในกรณีที่เป็นเครื่องเบนซินให้ใช้ลมเป่าไปที่เบ้าหัวเทียนไล่น้ำออกให้หมดทุกซอกทุกมุม จากนั้นให้ถอดหัวเทียนออก ตรวจดูแผงฟิวส์ตัวฟิวส์ กล่องรีเลย์ต่างๆรวมทั้งกล่องอีซียูต้องถอดออกให้หมดตากแดดทิ้งไว้ ตรวจดูปลั๊กไฟใช้ลมเป่าทำความสะอาดทั้งหมด หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้

8.โคมไฟหน้าเลนส์ ไฟท้าย เบาะนั่ง พรมปูพื้น ที่ถอดออกมาตากแดดแห้งแล้วยังไม่ต้องรีบใส่ แม้ว่าส่วนประกอบอื่นๆจะแห้งดีแล้ว ให้เอารถออกตากแดดเปิดประตูรถทุกบาน พยายามให้แผงหน้าปัดรถตากแดดแรงๆเพื่อไล่ความชื้นออกจากแผงหน้าปัดให้หมด

9.เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างแห้งสนิทดีแล้วค่อยใส่ทุกอย่างที่ถอดออกจากในห้องเครื่องเข้าที่ให้หมด ยกเว้นหัวเทียนในกรณีของรถเครื่องยนต์เบนซินหรือหัวฉีดในกรณีเครื่องดีเซล ให้ยกแบตเตอรี่เข้าที่ก่อนโดยใส่ขั้วแบตเตอรี่ เสียบกุญแจบิดกุญแจไปจังหวะแรก(จังหวะสำหรับตรวจมาตรวัดต่างๆก่อนสตาร์ทรถ) หากเกจ์วัดไหนยังไม่ทำงานอย่าเพิ่งกังวล ให้เปิดสวิตช์ค้างไว้แล้วลงมาตรวจสอบที่ห้องเครื่องยนต์ว่ามีควันหรือความร้อนอะไรเกิดขึ้นจากการใช้ไฟจากแบตเตอรี่หรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีทุกอย่างปกติดีจึงค่อยบิดกุญแจปิดสวิตช์

10.ตรวจสอบเบ้าหัวเทียนอีกครั้งว่ามีอะไรติดขัดหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากดูแล้วว่าเรียบร้อยดีให้ลองสตาร์ทเครื่องใหม่ โดยคนหนึ่งบิดกุญแจส่วนอีกคนหนึ่งคอยเช็คที่รูหัวเทียน เมื่อเครื่องหมุน หากถ้ามีน้ำ น้ำจะถูกพ่นออกมาทางรูหัวเทียน ให้สตาร์ทต่อไปจนแน่ใจว่าน้ำถูกพ่นออกมาจนหมด ต่อไปก็ให้ใส่หัวเทียนเข้าที่ หากทำมาถูกต้องและไม่มีอุปกรณ์อื่นที่เสียหายรุนแรง เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ หากว่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงานดังกระหึ่มขึ้นตามมา แสดงว่าทุกอย่างเป็นปกติ

วิธีการยกรถหนีน้ำ ด้วยการนำแม่แรงที่อยู่ภายในรถงัดรถให้สูงขึ้น จากนั้นให้นำก้อนอิฐไปค้ำล้อรถทั้ง 4 ล้อให้สูงเหนือระดับน้ำ ส่วนกรณีที่รถอาจต้องจมน้ำ ข้อแนะนำคือควรปิดกระจกให้แน่น หลังจากนั้นให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ ขั้วบวกหรือขั้วลบออก เพื่อป้องกันระบบไฟฟ้าภายในรถช็อต

ภายหลังน้ำท่วมรถ ให้แกะลูกยางที่อยู่ใต้ท้องรถออก เพื่อเป็นการระบายน้ำที่ท่วมขังอยู่ภายในรถ



เมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วมทั้งคันควรทำอย่างไร?

1.ห้ามเปิดสวิตช์ไฟหรือสตาร์ตเครื่องเด็ดขาด และถอดสายแบตเตอรีออก
2.ลากรถยนต์ออกจากน้ำให้เร็วที่สุด เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานจะก่อให้เกิดความเสียหายบริเวณตัวรถเพิ่มขึ้นเมื่อรถจมน้ำทั้งคัน หลายคนเข้าใจว่าไฟฟ้าจะลัดวงจร แต่ในความเป็นจริงไฟฟ้ายังไม่ได้ลัดวงจรเพราะว่าไม่มีไฟฟ้าลงดิน แต่ความเสียหายจะเกิดขึ้นหลังจากที่ระบบอิเลคทรอนิกส์ต้องจมอยู่ในน้ำ และจะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อมอเตอร์ไฟฟ้า กล่องอีซียูซึ่งปัจจุบันใช้ระบบกล่องรวมที่ควบคุมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแอร์ ไฟส่องสว่างและเครื่องยนต์


หลังจากกู้รถขึ้นจากน้ำแล้ว ข้อห้ามอย่างแรกที่สำคัญคือห้ามติดเครื่องยนต์เด็ดขาด จนกว่าจะตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีน้ำค้างในเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง รถที่ถูกน้ำท่วมต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวและกรองต่างๆออก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่นหรือดินโคลนค้างอยู่ การซ่อมบำรุงรถน้ำท่วมจะต้องทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญรถยี่ห้อนั้นจริงๆ เพราะแทบจะต้องประกอบใหม่ทั้งคันทีเดียว







วิธีช่วยรถไม่ให้จมน้ำ








วิธีช่วยรถไม่ให้จมน้ำ มีิขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ซื้อยางรถสิบล้อมา 3 เส้น
2.  นำยางรถที่ยังไม่ได้สูบ สอดไว้ใต้ท้องรถ 
3. สูบลมเข้าไปทั้ง 3 ล้อ ก่อนสูบควรผูกเชือกตำแหน่งต่างๆ เพื่อยึดรถให้อยู่กับล้อ 
4. ผูกเชือกล่ามรถไว้กับเสาบ้าน หรือหลักที่แน่นหนา ป้องกันรถลอยไปตามน้ำ 
5. รถจะปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม และสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้





10/19/2011

ค็อกพิทไทยเพชรเกษมจัดโปรโมชั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องฟรี! ไส้กรอง

ค็อกพิทไทยเพชรเกษมจัดโปรโมชั่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ยี่ห้อ Amco< Mobil, Total  และ Castrol ทั้งรถเก๋ง และรถกะบะ ราคาพิเศษ ฟรี! ไส้กรอง
สำหรับรถเก๋ง
20W50   Total   ราคา     680 บาท
10W40 Castrol  ราคา  1,180 บาท
5W40     Amco  ราคา 1,800 บาท
5W50  Mobil     ราคา 1,950 บาท

สำหรับรถปิคอัพ

20W50   Amco   ราคา    790 บาท
10W30   Mobil  ราคา  1,180 บาท
5W40     Amco  ราคา 1,950 บาท
5W40  Mobil      ราคา 2,250 บาท
10W30  Mobil    ราคา 2,250 บาท





10/05/2011

ค็อกพิทรู้ใจเปลี่ยนยางไม่ต้องรอยางโล้น

ค็อกพิทรู้ใจโปรโมชั่นใหม่ เปลี่ยนยางใหม่ไม่ต้องรอยางโล้น เมื่อเปลี่ยนยางบริดจสโตนหรือไฟร์สโตน
ครบ 4 เส้น เฉพาะรุ่น
- ฟรี บัตรเติมน้ำมันเชลล์มูลค่า 300 บาท สำหรับรุ่น MY01, AR10
- ฟรี บัตรเติมน้ำมันเชลล์มูลค่า 500 บาท สำหรับรุ่น ECOPIA, GR90, D683,D680
- ฟรี บัตรเติมน้ำมันเชลล์มูลค่า 800 บาท สำหรับรุ่น RE002, DUELER H/P SPORT
- หรือเลือกผ่อน 0 % นานสุงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
ควรเลือกรุ่นยางให้เหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ เพื่อสมรรถนะที่ดีของรถ และความปลอดภัยของคุณ
(สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการ)
วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2554 นี้









8/03/2011

ค็อกพิทจัดหนักส่งท้ายหน้าฝน แจกตะกร้าปิกนิค

เมื่อซื้อยางบริดจสโตน หรือไฟร์สโตน 4 เส้น ฟรี! ตะกร้าปิกนิค วันนี้ถึง 30 กันยายน 2554 นี้





6/08/2011

ค็อกพิทใจดีน้ำมันแพงแจกน้ำมันฟรี

เมื่อซื้อยางบริดจสโตนหรือ ไฟร์สโตน 4 เส้น ฟรี! บัตรน้ำมันเชลส์มูลค่าสูงสุด 1000 บาท หรือเลือกผ่อน 0% นาน 12 เดือน เลือกผ่อนยางบริดจสโตนหรือ ไฟร์สโตน(เฉพาะรุ่น) วันนี้ ถึง 31 กรกฏาคม 2554



4/07/2011

ซื้อยางบริดจสโตน หรือไฟร์สโตน 4 เส้น ฟรี บัตรน้ำมันเชลล์มูลค่าสูงสุด 800 บาท




ซัมเมอร์ ลั้นลา ไม่ต้องรอยางโล้น เพียงเปลี่ยนยางบริดจสโตนหรือไฟร์สโตน 4 เส้น (เฉพาะรุ่น)
ฟรี ! รับบัตรน้ำมันเชลล์ มูลค่า 300 บาท เฉพาะรุ่น AR10, MY01
         รับบัตรน้ำมันเชลล์ มูลค่า 500 บาท เฉพาะรุ่น ECOPIA,GR90
         รับบัตรน้ำมันเชลล์ มูลค่า 800 บาท เฉพาะรุ่น RE002,S001
หรือ เลือกผ่อน 0% นาน 12 เดือน ทุกรุ่น ทุกขนาด
หรือ เลือกผ่อนยาง ECOPIA นาน 24 เดือน จ่ายเพียง 566 บาท/เดือนกับบัตร FIRST CHOICE
เลือกยางที่ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เลือกยาง ECOPIA EP100E
วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2554

3/04/2011

ความเชื่อผิดๆ ของวันที่ผลิตยางรถยนต์


ความปลอดภัยของการขับขี่เป็นเรื่องที่สำคํญ ทำให้การเลือกซื้อยางรถยนต์เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนให้ความสำคัญมาก เนื่องจากยางคือสิ่งที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา การยึดเกาะถนนการทนทานต่อความร้อนและแรงเสียดทานเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความปลอดภัยในการเดินทางอย่างไรก็ดี หลายคนก็ยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการเลือกซื้อยางอยู่ เพราะได้รับฟังหรือได้อ่านเรื่องราวความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตยาง จนทำให้เจ้าของรถจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่ติดอยู่บนแก้มยางหรือ DOT มากจนเกินความจำเป็น

     แท้จริงแล้วการเลือกซื้อยางที่ถูกต้องควรเลือกซื้อยางที่มีขนาดที่ถูกต้อง เหมาะกับประเภทของรถ การใช้งาน คุณภาพ และควรให้ความใส่ใจการดูแลรักษายาง

     ผลการศึกษาวิจัยจากหน่วยงานรัฐบาล และบริษัทชั้นนำ พบว่า แท้จริงแล้ววันผลิตของยางไม่มีผลกับสมรรถภาพของยางที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น  เมื่อมีการเก็บที่ดีพอ เช่นเก็บรักษาในอูณภูมิที่เหมาะสม และยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็สามารถเก็บยางเส้นนั้นๆได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 กรมทรัพยากรอุตสาหกรรมของประเทศเกาหลีได้เคยออกเอกสารที่มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง

     โดยระบุว่ายางที่ผลิตนานกว่าหนึ่งปี อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้ แต่ท้ายที่สุด ความเชื่อที่คลาดเคลื่อนนี้ก็ได้ลบล้างไป หลังกรมคุ้มคลองผู้บริโภคของประเทศเกาหลีใต้ จัดการทดสอบเพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยในการใช้ยางระหว่างยางใหม่ และยางที่ผลิตย้อนหลังไปสามปีระหว่างปี 2548-2550 โดยได้สรุปบทว่า แม้วันที่ผลิตแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางเหมือนกันทุกประการ

   
     กระทรวงคมนาคมของสหรัฐ ยังเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ ประสิทธิภาพของยางที่มีการเติมลมแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์  2549  โดยระบุว่า ความร้อนที่เกิดขึ้นขณะที่ยางมีการใช้งาน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพยางรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำให้เกิดอุณภูมิที่หน้ายางสูงขึ้นถึง 75 องศาเซลเซียส แต่หากความตันในลมยางน้อยกว่าปกติ ( เช่น ยางแบน) ก็จะยิ่งทำให้ความร้อนหน้ายางสูงมากกว่าที่ควารจะเป็นด้วย

     ดังนั้น อุณภมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนการใช้งานจริง จึงมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีเมื่อนำยางไปใช้ในการขับขี่จริง เพราะโดยทั่วไปนั้น ยางที่ไม่ถูกนำไปใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของ บริษัทผู้ผลิต

     ขณะที่องค์กรเอดีเอชี หน่วยงานเพื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนีก็มีการดำเนินการพิสูจน์เรื่องสมรรถนะของยางเอาไว้ในเดือนมิถุนายน 2553 โดยทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตในปี 2550และ 2547 สำหรับการขับขี่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ชึ่งผลการทดสอบก็ไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่า ยางที่ผลิตใหม่จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า

     ส่วนที่ประเทศไทยนั้น คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับทียูวี ไรน์แลนด์ กรุ๊ปบริษัทที่ทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนีทำการทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า ในสภาพแวดล้อมของประเทศไทยนั้น สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่

     ในการทดสอบดังกล่าว ได้มีการนำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกันหนึ่งปี ไปทดสอบการใช้งาน โดยการขับขี่ด้วยความเร็วสูงที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลที่ได้จากการทดสอบพบว่ามีความแตกต่างกันไม่เกิน 1% ทั้งยังมีความสามารถในการบรรทุกหนักและวิ่งเป็นระยะทางไกลตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึงหนึ่งปี เช่นเดียวกับผลทดสอบความสามารถในการยึดเกาะถนน ที่ให้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันนัก

     นายชูเดช ตีประเสริฐกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ว่ายางที่มีวันที่ผลิตต่างกันสองถึงสามปี จะให้สมรรถนะในระดับที่ไม่แตกต่างกันนัก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเก็บรักษายางในร้านด้วยว่ามีการควบคุมอุณภูมิและความชื้นที่เหมาะสมรวมทั้งไม่โดนแดด เพราะอาจจะทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้นการเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้จึงมีความสำคัญแทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก

 

2/02/2011

เฮงรับตรุษจีน

ค็อกพิทจัดโปรโมชั่นใหม่ เมื่อซื้อยางบริดจสโตน หรือไฟร์สโตน 4 เส้น รับฟรีตระกร้าปิกนิคสุดเท่.หรือเลือกผ่อน 0% นาน 4 เดือน วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2554 ที่็ค็อกพิทสาขาใกล้บ้านคุณ